ทำความเข้าใจประเภทของขยะ และการคัดแยกอย่างถูกวิธี ลดการเกิดมลพิษ ลดปัญหาขยะล้นโลก
เคยคิดกันเล่น ๆ ไหมว่า หลังจากที่เราทิ้งขะลงไปในถังแล้ว ขยะพวกนั้นจะไปไหนต่อ? และจะส่งผลอย่างไรต่อสิ่งแวดล้อม? หากขยะหลายประเภทผสมปะปนทับถมกันโดยไม่มีการแยกขยะ ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่าขยะมักจะมาคู่กับความสกปรก หากขยะเหล่านั้นทับถมกันเป็นระยะเวลานาน โดยไม่ถูกแยกประเภทตั้งแต่แรก อาจกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรีย ที่ส่งผลต่อมนุษย์ สิ่งมีชีวิต และระบบนิเวศน์อย่างคาดไม่ถึง
ในฐานะที่เราทุกคนเป็นผู้สร้างขยะเหล่านั้น เราควรช่วยกันสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นด้วยการ “การแยกขยะ” ให้ถูกประเภทก่อนนำไปทิ้ง เพื่อปลูกฝึกจิตสำนึกในการการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ลดปัญหาการเกิดมลพิษ ลดปัญหาขยะล้นโลก และรักษาโลกได้อย่างยั่งยืน
ก่อนจะทำการแยกขยะอย่างถูกวิธี เรามาทำความรู้จักขยะแต่ประเภทกันก่อน
ขยะอินทรีย์ หรือ ขยะย่อยสลาย คือ ขยะที่เน่าเสียและย่อยสลายได้เร็ว เช่น เศษผัก เศษอาหาร ใบไม้ เปลือกผลไม้ และเศษเนื้อสัตว์ เป็นต้น โดยขยะเหล่านี้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ทางการเกษตรด้วยการทำปุ๋ยหมักได้ ยกเว้นซากพืช ผลไม้ และเนื้อสัวต์ ที่มาจากการทดลองในห้องปฏิบัติการ จึงควรทำการแยกขยะประเภทนี้ให้ถูกต้องเพื่อนำไปใช้ได้อย่างปลอดภัย
แล้วขยะทั่วไปมีอะไรบ้าง? ขยะทั่วไป หรือ ขยะมูลฝอยทั่วไป คือ ขยะประเภทอื่นที่ไม่สามารถย่อยสลายได้แบบขยะอินทรีย์ ไม่มีความอันตราย แต่ก็ไม่คุ้มค่าที่จะนำกลับมาใช้ประโยชน์แบบขยะรีไซเคิล จึงต้องทำการแยกขยะประเภทนี้ออกมาจากขยะอื่น ๆ ยกตัวอย่างเช่น ซองขนม ถุงบรรจุครีมอาบน้ำ ถุงใส่อาหาร โฟมเปื้อนอาหาร ถุงพลาสติกทนความร้อนสูง เป็นต้น
ขยะรีไซเคิล (Recycled Waste) หรือ ขยะมูลฝอยที่นำกลับมาใช้ได้ คือ ของเสียหรือวัสดุเหลือใช้ที่สามารถแปรรูปกลับมาเป็นวัตถุดิบในการผลิต จึงมีการรณรงค์ให้แยกขยะประเภทนี้อย่างถูกวิธีให้เราได้พบเห็นกันทั่วไป แล้วขยะรีไซเคิลมีอะไรบ้าง? ซึ่งโดยทั่วไปขยะที่นำมารีไซเคิลได้ เช่น ขวดน้ำพลาสติก, ขวดแชมพู, กระดาษ, กระป๋องเครื่องดื่ม, กล่องขนมแบบกระดาษ, ยางรถยนต์ เป็นต้น
ขยะอันตราย หรือ ขยะพิษ (Hazardous Waste) คือ ขยะหรือวัสดุที่มีองค์ประกอบที่ปนเปื้อนหรือสารอันตราย อาจจะมีลักษณะเป็นสารพิษ, สารเคมี, สารไวไฟ, สารกัมมันตรังสี และสารอื่น ๆ ที่อันตรายกับมนุษย์และสิ่งแวดล้อม จึงควรทำการแยกขยะประเภทนี้ออกจากขยะอื่น ๆ เพื่อป้องกันการปนเปื้อนและความเสี่ยงต่อพนักงานเก็บขยะ แล้วขยะอันตรายมีอะไรบ้าง? ซึ่งขยะอันตรายได้แก่ แบตเตอรี่, ถ่านไฟฉาย, หลอดไฟฟลูออเรสเซนส์ หรือ ATK ใช้แล้ว เป็นต้น
หลังจากที่เราทำความรู้จักขยะแต่ละประเภทแล้ว เรามาดูแนวทางการแยกขยะอย่างถูกวิธีกัน
เมื่อต้องการทิ้งขยะภายในครัวเรือน ควรแยกขยะทั้ง 4 ประเภทออกจากกันอย่างชัดเจน เพื่อให้ง่ายต่อการนำไปทิ้งลงในถังขยะที่ถูกต้อง และช่วยให้ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับการแยกขยะสามารถทำงานได้รวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น
หลังจากทำการแยกขยะแล้ว ควรนำขยะแต่ละประเภทไปทิ้งไว้ในถังขยะสีที่กำหนดไว้อย่างถูกต้อง โดยบริเวณที่ทิ้งขยะเหล่านั้นจะต้องไม่วางขวางทางเดิน มีความสะอาด มีแสงสว่างเพียงพอ อากาศถ่ายเท และไม่อยู่ใกล้กับแหล่งอาหาร เพื่อป้องกันการปนเปื้อน
ควรทำการแยกขยะอันตรายออกจากขยะประเภทอื่น เพราะขยะอันตรายมีความเสี่ยงเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของสิ่งไม่พึงประสงค์และอาจเกิดอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมได้ จึงควรมีการขนย้ายและนำไปจำกัดอย่างถูกวิธีเพื่อป้องกันปัญหาเหล่านี้
การเผาทำลายขยะนอกจากจะส่งผลเสียในด้านมลพิษทางอากาศและก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนแล้ว ควันจากการเผาขยะยังมีอันตรายกับมนุษย์และสิ่งมีชีวิต เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าขยะทีทำการเผามีสารที่เป็นอันตรายหรือการปนเปื้อนหรือไม่ จึงควรหลีกเลี่ยงการกำจัดขยะด้วยการเผา
ควรกรองเศษอาหารทุกครั้งก่อนทำความสะอาด โดยไม่เทเศษอาหารลงในท่อน้ำทิ้ง เพื่อป้องกันการอุดตันภายในท่อและลดการปล่อยน้ำเสียสู่แหล่งน้ำ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อระบบนิเวศน์ของสิ่งมีชีวิต
ถังขยะแยกประเภทที่เราเห็นกันตามที่สาธารณะทั่วไป ทำเป้าหมายเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเราให้สนใจการแยกขยะกันมากขึ้น เพื่อเป็นหนึ่งในการสนับสนุนแนวคิดลดขยะให้เป็นศูนย์หรือ Zero Waste ให้เป็นจริง ซึ่งถังขยะแต่ละสีมีความหมายดังนี้
ถังขยะสีเขียว ใช้สำหรับขยะทั่วไปที่ย่อยสลายได้ เช่น เศษอาหาร, ใบไม้, เปลือกผลไม้ ซึ่งสามารถนำไปทำปุ๋ยหมักหรือใช้ในการเลี้ยงสัตว์ การแยกขยะอินทรีย์ลงในถังขยะสีเขียวจะช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องนำไปกำจัด และยังเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ถังขยะสีน้ำเงิน ใช้สำหรับขยะทั่วไปที่ไม่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ เช่น ถุงพลาสติก, โฟม, กล่องนม, ซองขนม ซึ่งต้องส่งไปกำจัดด้วยวิธีฝังกลบอย่างถูกหลักสุขาภิบาล เพื่อไม่ให้เกิดมลพิษต่อดินและน้ำใต้ดิน
ถังขยะสีเหลือง ใช้สำหรับขยะรีไซเคิล เช่น กระดาษ, พลาสติก, แก้ว, โลหะ ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ การแยกขยะรีไซเคิลจะช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในการผลิตสินค้าใหม่ และยังช่วยประหยัดพลังงานในกระบวนการผลิตอีกด้วย
ถังขยะสีแดง ใช้สำหรับขยะอันตราย เช่น หลอดไฟ, ถ่านไฟฉาย, แบตเตอรี่, กระป๋องสเปรย์, สารเคมี, ยาหมดอายุ ซึ่งต้องมีวิธีกำจัดเป็นพิเศษ เพราะอาจเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ได้ จึงไม่ควรทิ้งปะปนกับขยะประเภทอื่น
การแยกขยะอย่างถูกวิธีจะช่วยลดปริมาณขยะลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อแยกวัสดุที่ยังสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ออกมา เช่น แก้ว, กระดาษ, พลาสติก, โลหะ และอื่น ๆ ปริมาณขยะที่เหลือจะน้อยลงมาก ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดการกับขยะได้อย่างมหาศาล
การแยกขยะจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการกำจัดขยะของหน่วยงานท้องถิ่นลงอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น กรุงเทพฯ ต้องเก็บขยะวันละเกือบ 9,000 ตัน ใช้งบประมาณมากถึงปีละ 2,000 ล้านบาท พร้อมทั้งจ้างเจ้าหน้าที่กว่า 10,000 คน และใช้รถเก็บขยะกว่า 2,000 คัน หากปริมาณขยะลดลง งบประมาณในส่วนนี้ก็สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาด้านอื่น ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนได้
การแยกขยะยังเป็นการช่วยลดการสิ้นเปลืองของพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ โดยการนำขยะไปรีไซเคิลเพื่อนำมาใช้ใหม่ ซึ่งบางครั้งเราสามารถขายวัสดุเหล่านี้เพื่อสร้างรายได้เสริมได้อีกทางหนึ่ง
และข้อสุดท้ายที่สำคัญ การแยกขยะจะช่วยลดปัญหามลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะนำไปสู่การลดโอกาสเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงขึ้นในอนาคต การรักษาสภาพแวดล้อมให้ดีจึงเป็นหน้าที่ของทุกคนที่ควรให้ความสำคัญ
สภาพแวดล้อมที่ดีเริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการแยกขยะ หากมีหนึ่งคนที่เริ่มต้นและมีคนอื่น ๆ ที่พร้อมทำตาม เชื่อว่าโลกของเราจะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นและลดปัญหาขยะล้นโลกได้อย่างแน่นอน
ที่มา - https://www.dittothailand.com/th/dittonews/waste-recycle/
สาระน่ารู้ อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง