ค่าใช้จ่ายและวิธีการหาเสียงเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี

 ด้วยสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี ที่จะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 27 มีนาคม 2568 คณะกรรมการการเลือกตั้งได้เห็นชอบแผนการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี โดยกำหนดวันเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม 2568 และประกาศวันรับสมัครรับเลือกตั้งระหว่างวันที่ 31 มีนาคม 2568 – วันที่ 4 เมษายน 2568 ณ สถานที่ที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเทศบาลกำหนด

     สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จึงขอประชาสัมพันธ์ค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งและวิธีการหาเสียงเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. ระยะเวลาในการคำนวณค่าใช้จ่ายของผู้สมัครรับเลือกตั้ง กรณีที่เป็นการเลือกตั้งอันเนื่องมาจากการครบวาระ ให้คำนวณค่าใช้จ่ายที่ใช้จ่ายไปตั้งแต่ 180 วันก่อนวันที่ครบวาระจนถึงวันเลือกตั้ง ดังนั้นระยะเวลาการคำนวณค่าใช้จ่ายจึงเริ่มมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2567 ไปจนถึงวันเลือกตั้ง
2. ระยะเวลาในการหาเสียงเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้ง กรณีที่เป็นการเลือกตั้งอันเนื่องมาจากการครบวาระหรือครบอายุ ให้กระทำได้ตั้งแต่ 180 วันก่อนวันครบวาระหรือครบอายุ จนถึงเวลา 18.00 นาฬิกา ของวันก่อนวันเลือกตั้ง ดังนั้นระยะเวลาในการหาเสียงเลือกตั้งจึงเริ่มมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2567 ไปจนถึงเวลา 18.00 นาฬิกา ของวันก่อนวันเลือกตั้ง
3. การหาเสียงเลือกตั้ง ต้องไม่กระทำการในลักษณะที่เป็นการฝ่าฝืน มาตรา 65 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2563 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

     ในการนี้ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดได้ประกาศกำหนดจำนวนเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี โดยได้จัดแบ่งเป็นกลุ่มจังหวัดที่ต้องกำหนดจำนวนเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี ดังนี้

     กลุ่มที่ 1 จำนวน 1 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา

     กลุ่มที่ 2 จำนวน 13 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดขอนแก่น ชลบุรี ชัยภูมิ เชียงราย เชียงใหม่นครศรีธรรมราช บุรีรัมย์ ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ สงขลา สุรินทร์ อุดรธานี อุบลราชธานี

     กลุ่มที่ 3 จำนวน 16 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์นนทบุรี ปทุมธานี พิษณุโลก เพชรบูรณ์ มหาสารคาม ลำปาง เลย สกลนคร สมุทรปราการ สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี

     กลุ่มที่ 4 จำนวน 26 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดจันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชุมพร ตรัง นครปฐม นครพนมนราธิวาส น่าน ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา พะเยา พิจิตร เพชรบุรี แพร่ แม่ฮ่องสอนยโสธร ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สระแก้ว สระบุรี สุโขทัย หนองบัวลำภู อุตรดิตถ์

     กลุ่มที่ 5 จำนวน 20 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกระบี่ ชัยนาท ตราด นครนายก บึงกาฬ พังงา พัทลุงภูเก็ต มุกดาหาร ยะลา ระนอง ลำพูน สตูล สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สิงห์บุรี หนองคาย อ่างทอง อำนาจเจริญอุทัยธานี